ดอกและผลสะแลมีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร และมีสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อนำมาทำอาหารและสุกแล้วจะมีรสมัน มีเมือกนิดๆ เวลาเคี้ยวจะมีความรู้สึกลื่นๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเมือกลื่นเท่ากับผักปลัง ออกดอกมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
ดอกสะแล เป็นที่รู้จักและนิยมบริโภคกันในภาคเหนือ โดยใช้เป็นผักมีรสมัน ดอกและผลนำมาทำเป็นอาหารได้ เช่น แกงส้ม แกงป่า แกงแคแกงเลียง หรือจะนำมาลวกจิ้มกินกับน้ำพริกอร่อยทีเดียว แต่ที่ได้รับความนิยมมาก จัดได้ว่าอร่อยลิ้น คือ แกงส้มดอกสะแล แกงส้มดอกสะแลของคนเมืองเหนือนั้น จะมีกลเม็ดเคล็ดลับที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น
ส่วนน้ำพริกแกงส้มนั้นจะโขลกเองก็ได้ หรือหากซื้อจากตลาดสดที่ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำพริกแกงส้มแบบไม่ใส่กระชาย เวลาซื้อต้องบอกให้แม่ค้าเพิ่มกระชายให้ด้วย หรือจะนำมาโขลกกระชายเพิ่มเองก็ยิ่งดี เพราะจะได้กลิ่นหอมของกระชายสดอย่างแกงส้มพื้นบ้านของคนเมืองแท้ๆ นอกจากนี้ ถ้าโขลกเนื้อปลาผสมกับน้ำพริกด้วยจะทำให้น้ำแกงข้นและอร่อยมากยิ่งขึ้น
แกงส้มดอกสะแล ดอกสะแล เมื่อนำมาทำอาหารและสุกแล้ว จะมีรสมัน มีเมือกนิดๆ เวลาเคี้ยวจะมีความรู้สึกลื่นๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเมือกลื่นเท่ากับดอกหรือยอดผักปลัง และหากไม่คุ้นเคยอาจจะรู้สึกขมและมีรสซ่าเล็กน้อย สำหรับสูตรแกงส้มดอกสะแลที่นำมาเสนอจะเป็นแกงส้มดอกสะแลของคนทางภาคเหนือตอนล่าง ที่มีต้นสะแลขึ้นอยู่ทั่วไป สูตรนี้แกงกับปลาช่อนแบบชาวบ้านทั่วไป หรือจะใส่ปลาทับทิม ปลานิลจิตรลดาทอด ที่หาซื้อได้ง่ายก็อร่อยไปอีกแบบ สำหรับวัฒนธรรมการกินของบรรพบุรุษในสมัยก่อนนั้น จะบ่งบอกได้ถึงสภาพการเป็นอยู่อย่างพอเพียงของคนไทย สำหรับเรื่องอาหารการกินของเราก็เป็นได้ทั้งยาและอาหารไปในตัว
ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช – 1 ต.ค.2564
ข้อมูล : -สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานฯ
-ไทยรัฐออนไลน์(18 มิ.ย.2562)
-พิชญาดา เจริญจิต(4 ต.ค.2560)